ฟุตบอลไทย

หกแต้มที่ต้องเสียไปเพราะปัญหาเรื่องไฟล้วน ๆ ของสิงห์เจ้าท่า

ในเกมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโดยเฉพาะการแข่งขันในรูปแบบฟุตบอลลีกนั้น แต้มนั้นบอกเลยว่ามีค่าอย่างมหาศาลที่จะตัดสินความสำเร็จในปลายฤดูกาลของแต่ละทีม ดังนั้นการที่จะเสียแต่ละแต้มไปนั้นมันจะต้องหลังจากที่ทุกคนในทีมพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วเท่านั้น และถ้าหากว่ามันยังไม่สามารถรักษาคะแนนอันล้ำค่าไว้ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และถ้าหากว่าการเสียคะแนนไปมันเกิดจากปัญหาภายนอกสนามในที่มันสุดวิสัยจริง ๆ มันก็เป็นเรื่องที่สุดวิสัยอย่างว่า ถ้าหากมันเกิดขึ้นแบบซ้ำซ้อนจนทำให้ทีมเสียไปถึง 6 คะแนนเต็ม ๆ มันก็เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดทั้งกับทีม แฟนบอล และนักพนันไม่น้อยเลย แต่เรื่องที่ว่านี้มันก็เกิดขึ้นมาให้เห็นในการแข่งขันลีกอาชีพระดับไทยลีกของเรา และเกิดขึ้นกับทีมใหญ่ระดับ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซีอีกด้วย ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมาก่อนเกมที่ท่าเรือจะเปิดสนามแพท สเตเดียม รับการมาเยือนของทางกิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง และก่อนที่เกมจะเริ่มขึ้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าในสนามดับขึ้นหลังจากมีเสียงระเบิดของหม้อแปลงไฟฟ้าของสนาม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของทีมก็พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้กระแสไฟฟ้าสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติเพื่อที่จะทำให้การแข่งขันสามารถดำเนินต่อไปได้ แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ทันเวลาและทำให้การแข่งขันมีอันต้องเลื่อนออกไป และถูกทางสมาคมปรับให้ทางการท่าเรือเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป 0-2 พร้อมทั้งถูกปรับเป็นเงิน 50,000 อีกด้วย และที่สำคัญเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้วสำหรับการท่าเรือและสนามแพท สเตเดียมหลังจากที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาซึ่งพวกเขามีคิวเปิดบ้านรับการมาเยือนของโปลิส เทโร เอฟซี ซึ่งในเกมนั้นเหตุการณ์ไฟฟ้าในสนามดับเกิดขึ้นในระหว่างเกมการแข่งขัน ซึ่งทั้งสองทีมกำลังเสมอกันอยู่ที่สกอร์ 1-1 แต่สุดท้ายทางการท่าเรือก็มีอันต้องถูกปรับแพ้ไปด้วยสกอร์เดียวกันและโดนปรับไปอีก 50,000 เช่นกัน นั่นเท่ากับว่าในฤดูกาลนี้ทีมสิงห์เจ้าท่านั้นเสียแต้มไปถึงหกแต้มและค่าปรับรวมถึงหนึ่งแสนบาทจากกรณีไฟฟ้าขัดของเพียงอย่างเดียว ซึ่งถือว่าเสียมากเลยทีเดียวเพราะหกคะแนนที่พวกเขาเสียไปนั้น มันสามารถทำให้พวกเขาขยับจากกลางตารางในปัจจุบันขึ้นไปทาบจ่าฝูงอย่างบีจี ปทุมได้เลย และมันก็ทำให้เป็นเรื่องยากมากขึ้นที่พวกเขาจามคู่แข่งขึ้นไปเบียดลุ้นแชมป์เพราะไปต่อให้คู่แข่งถึงหกคะแนนเต็ม ตอนนี้ทางสโมสรการท่าเรือที่นำโดย “มาดามแป้ง” กำลังเร่งทำการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่โดยการยื่นเรื่องขอใช้สนามกลางในการแข่งขันแทน […]

ฟุตบอลไทย

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เตรียมเสริมเกมรุกสุดโหด ดึงตัวธีรศิลป์กลับไทย

ถึงแม้ว่าฟอร์มการเล่นของทีมกระต่ายแก้ว บีจี ปทุม ยูไนเต็ดชั่วโมงนี้จะกำลังอยู่ในช่วงลอยลมบน จนสามารถก้าวขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูงไทยลีกในตอนนี้ ซึ่งถือเป็นการกลับสู่ตำแหน่งจ่าฝูงครั้งแรกในรอบ 4 ปีของพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่หยุดความร้อนแรงไว้เพียงเท่านี้ เมื่อมีข่าวว่าพวกเขากำลังจะเสริมทัพในแนวรุกด้วยการดึงเอาตัว “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าตัวเก๋าทีมชาติไทยที่กลับมาเล่นในไทยลีกอีกครั้ง ปัจจุบันเจ้ามุ้ยนั้นกำลังค้าแข้งอยู่ในเจลีก ลีกฟุตบอลอาชีพสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นซึ่งก็รู้กันดีว่าเป็นลีกฟุตบอลอาชีพที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย กับทีมชิมิสึ เอสพลัส ซึ่งเป็นการเล่นในลีกแดนปลาดิบเป็นฤดูกาลที่สองของเจ้าตัว หลังจากที่ฤดูกาลก่อนเขาก็เล่นในเจลีกกับซานเฟรเซ่ ฮิโรชิม่าด้วยสัญญายืมตัวและสามารถทำผลงานเข้าตาจนทำให้ชิมิสึตัดสินใจดึงตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งในฤดูกาลนี้เขาก็ได้ลงสนามให้กับทีมไปแล้ว 17 นัดกับผลงาน 3 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ยอดการทำประตูของเจ้ามุ้ยดูจะน้อยไปหน่อยก็เพราะว่าการลงสนามของเขามักจะเป็นการถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองนั่นเอง ซึ่งทำให้ทางฝั่งบีจีเล็งเห็นว่าอาจจะเป็นช่องให้พวกเขาสามารถดึงตัวมุ้ยมาร่วมทีมได้ โดยใช้โอกาสการลงสนามที่มากกว่าเป็นแรงดึงดูดในการโน้มน้าวใจ ซึ่งตอนนี้บรรดาผู้คนวงในของทีมกระต่ายแก้ต่างออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ทางสโมสรของพวกเขากำลังทำการติดต่อไปยังต้นสังกัดของมุ้ยเพื่อพูดคุยถึงเรื่องการย้ายตัวดังกล่าว และถ้าหากว่าการเจรจาเป็นไปตามที่คิดแล้วละก็แนวรุกของบีจี ปทุมจะน่ากลัวขึ้นอย่างมากแน่นอน เพราะถึงแม้ว่าธีรศิลป์นั้นจะมีอายุ 32 ปีแล้วแต่ในเรื่องความเฉียบคมในการทำประตูและประสบการณ์บนโลกลูกหนังของเขานั้น มันยากที่จะหาตัวกองหน้าซักคนมาเทียบได้เอาเฉพาะในไทยลีกนี่ก็เรียกว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างมากมายเลย โดยเขายิงในไทยลีกรวมทั้งหมดแล้วถึง 117 ประตู และเป็นแชมป์ไทยลีกมาแล้วถึง 4 สมัย ยังไม่นับรวมประสบการณ์การค้าแข้งต่างแดนที่ไปลุยมาแล้วทั้งในทวีปยุโรปถึงสามประเทศ และในญี่ปุ่นอีกสองฤดูกาล ซึ่งมันจะช่วยยกระดับเกมรุกของทีมกระต่ายแก้วให้น่ากลัวขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน หากได้เขามาร่วมทีมจริง ๆ การใส่สกอร์วางเดิมพันทีมบีจี ปทุม ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย ตอนนี้เชื่อว่าไม่เพียงแค่แฟนบอลของทีมบีจี ปทุม ยูไนเต็ดเพียงเท่านั้นที่อยากจะเห็นการย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้น […]

ฟุตบอลไทย

“เจ้ากัน” ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร แข้งสัญชาติไทยในแดนผู้ดี

ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับวงการฟุตบอลของแระเทศไทยเรา ที่ทางสโมสรในพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่าง “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ทำการเซ็นสัญญาดึงตัวนักฟุตบอลสัญชาติไทยแท้ไปโตที่ฝรั่งเศสอย่าง “เจ้ากัน” ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร มาจากสโมสรน็องซี่ทีมในลีกเดอซ์ฝรั่งเศส และยังมอบสัญญาให้กับเจ้าตัว 3 ปีด้วยกัน มันจึงทำให้แฟนบอลชาวไทยพอจะมีหวังที่จะได้เห็นนักเตะจากบ้านเรา ได้ลงสนามในฟุตบอลลีกของประเทศอังกฤษซักคน ซึ่งถึงแม้ว่าในขณะนี้เขาจะยังคงเล่นให้ทีมชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปีของจิ้งจอกสยามอยู่ก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเจ้าตัวสามารถแสดงผลงานในทีมเยาวชนได้ดีจนเข้าตากุนซือเบรนดัน ร็อดเจอร์ได้ โอกาสของเขาบนทีมชุดใหญ่และบนเวทีพรีเมียร์ลีกก็อยู่อีกไม่ไกล ซึ่งในเรื่องผลงานในสนามกับทีมใหม่ของเขาก็ดูเหมือนว่าจะมีอนาคตไม่น้อยเลยทีเดียว โดยในนัดแรกที่เขาลงเล่นในสีเสื้อจิ้งจอกกับทีมเยาวชนนั้น ในเกมที่เจอกับฮาโรเกท ทาวน์ในรายการ อีเอฟแอล โทรฟี่ รอบแบ่งกลุ่มนั้น ถึงแม้ว่าทีมเยาวชนของเลสเตอร์จะพบกับความพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 3-1 แต่ตัวของเจ้ากันเองที่ถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองในช่วงท้ายครึ่งแรก ก็เป็นคนที่สามารถใส่สกอร์ไข่แตกให้กับทีมได้สำเร็จอีกด้วย นับว่าเป็นการเริ่มต้นเปิดตัวกับสโมสรใหม่ได้ไม่เลวเลยทีเดียว สำหรับเส้นทางบนโลกลูกหนังของเจ้ากัน กองกลางสัญชาติไทยอายุ 20 ปีนั้น เขาเป็นคนไทยโดยกำเนิดแต่เขามีโอกาสไปโตที่ประเทศฝรั่งเศสเนื่องจากติดตามคุณแม่ที่ทำงานอยู่ที่นั่น ทำให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาลูกหนังในฝรั่งเศสและได้มีโอกาสเข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสรน็องซี่ รวมไปถึงได้มีโอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสรไปแล้วด้วย โดยเล่นในทีมชุดใหญ่ของทีมรวมทั้งหมด 15 นัด และสามารถทำประตูได้ 1 ลูก ส่วนในนามทีมชาตินั้นด้วยความที่เขาไปที่ฝรั่งเศสทำให้เจ้าตัวได้สัญชาติฝรั่งเศสและได้ลงเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศสชุดอายุไม่เกิน 16 ปี และ 17 ปีมาแล้วส่วนในทีมชาติชุดใหญ่นั้นหวังว่าทางสมาคมฟุตบอลไทยคงจะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไป และเชื่อว่าตัวของธนวัฒน์เองก็คงจะอยากเล่นให้กับทีมชาติบ้านเกิดโดยสายเลือดด้วยเช่นกัน การเริ่มต้นกับชุดเยาวชนของธนวัฒน์ด้วยผลงานการทำประตูได้สำเร็จ น่าจะเป็นการจุดประกายความหวังของตัวเขาและแฟนฟุตบอลชาวไทย […]

ฟุตบอลไทย

อนุญาตไทยลีกถ่ายทอดสดออนไลน์ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่พลาดชมทีมรัก

นับว่าเป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับแฟนฟุตบอล และเซียนพนันที่ชอบดูบอลสด ๆ ของทุกสโมสรในไทยลีก 1 หลังจากที่ทางบริษัท ไทยลีก จำกัดได้มีการอนุญาตให้และสโมสรในไทยลีก 1 นั้นสามารถทำการถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันนัดเหย้าของทีมตนเองลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ได้โดยจะเริ่มการถ่ายทอดสดนี้หลังจากวันที่ 25 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไปซึ่งก็คือหลังจากที่สัญญาของไทยลีกกับทางทรูวิชั่นสิ้นสุดลงนั่นเอง ซึ่งเมื่อสัญญาการถ่ายทอดสดที่มีอยู่กับทางทรูวิชั่นสิ้นสุดลง จะทำให้หน้าที่การผลิตสัญญาณการแข่งขันเพื่อถ่ายทอดสดนั้นตกเป็นของทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ร่วมกับบริษัท ไทยลีก จำกัด ที่จะทำการถ่ายทอดสดผ่านทางฟรีทีวี และล่าสุดนาย กรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไทยลีก จำกัด ได้ออกมาเปิดเผยว่าหลังจากที่ได้มีการปรึกษาหารือกันทุกฝ่ายแล้วมีการกลงกันในเบื้องต้นที่จะให้สโมสรสามารถนำการแข่งขันนัดเหย้าของตนเองไปฉายในช่องทางออนไลน์เพื่อบริหารจัดการสิทธิประโยชน์และรายได้เพิ่มเติมในฤดูกาลนี้ สำหรับสโมสรฟุตบอลเองแล้วนี่ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้และทีมสามารถหารายได้เข้ามาช่วยสโมสรอีกทางหนึ่ง เพราะการที่แฟนบอลเข้าชมเกมในสนามลดน้อยลงหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโควิด มันย่อมจะส่งผลกระทบโดยตรงไปยังรายได้ของทุกสโมสรอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงไปบ้างแล้วก็ตาม ก็คงต้องใช้เวลาให้แฟนบอลมั่นใจในความปลอดภัยอีกพอสมควรเลยทีเดียว กว่าจะกลับมาแน่นสนามกันเหมือนเดิม และการได้สิทธิ์ถ่ายทอดเกมเหย้าของตนเองคงจะพอช่วยชดเชยค่าตั๋วได้พอสมควร แต่ฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์ไปแบบเต็ม ๆ เลยน่าจะเป็นในส่วนของแฟนบอล และนักพนันตัวยงอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ ที่จะสามารถติดตามการชมการแข่งขันของทีมที่รักได้แบบไม่มีพลาดไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลก เพียงแค่มีโทรศัพท์และสัญญาณอินเตอร์เน็ตเท่านั้นเอง และเชื่อว่าการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ของสโมสรนั้นนอกจากจะได้รับชมเกมการแข่งขันแล้ว ยังจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้แฟนบอลได้ร่วมสนุกเพื่อเป็นสีสันดึงดูดคนดูด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นการนอนอยู่ดูบอลอยู่ที่บ้านก็คงจะสนุกสนานไม่แพ้การเข้าชมติดขอบสนามอย่างแน่นอน บางทีอาจจะสนุกกว่าด้วยกับการเชียร์บอลผ่านหน้าจอร่วมกับคนในครอบครัวที่บ้าน การเริ่มต้นการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ในครั้งนี้ บางทีมันอาจจะกลายเป็นทางออกสำหรับการชมและเชียร์ฟุตบอลแบบวิถีใหม่ก็เป็นได้ เพราะถ้าหากว่าปัญหาการระบาดมันกลับมาเล่นงานประเทศไทยอีกครั้ง  […]

ฟุตบอลไทย

อชิตพล คีรีรมย์ กองหน้าตัวความหวัง อนาคตของวงการลูกหนังไทย

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวที่สร้างความฮือฮาอย่างมากให้กับวงการฟุตบอลไทย เมื่อมีเด็กไทยคนหนึ่งสามารถระเบิดฟอร์มสุดยอดด้วยการยิงประตูได้ติดต่อกันถึงสามนัดบนแผ่นดินเยอรมัน และเขาคนนั้นก็คือ อชิตพล คีรีรมย์ กองหน้าชาวไทยแท้ ๆ วัยเพียง 18 ปี เด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กลูกครึ่งหรือเด็กที่ไปเกิดและที่เยอรมันแต่อย่างใด แต่เขาคือเด็กไทยที่เกิดและโตที่ไทยนี่แหละ และเคยเล่นในประเทศไทยให้กับกรุงเทพคริสเตียนและอัสสัมชัน กรุงเทพมาก่อน และติดทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 14 ปีมาแล้ว เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากทางครอบครัวให้บินไปเรียนฟุตบอลอย่างจริงจังที่ประเทศเยอรมันตั้งแต่อายุได้เพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น และมันดูเหมือนว่าจะเป็นการสนับสนุนที่ถูกต้องอย่างมากสำหรับการเติมเต็มความฝันให้เด็กที่รักและทุ่มเทให้กับฟุตบอลอย่างเขา เพราะมันทำให้เขาได้มีโอกาสซึมซับเรียนรู้วิธีการเล่นฟุตบอลระดับสูงอย่างถูกวิธีตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนเวลาที่ได้เห็นเขาลงสนาม ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคต่าง ๆ การเคลื่อนที่และการยิงประตู และแฟนบอลชาวไทยคงจะได้เห็นลีลาการเล่นของเด็กคนนี้มาบ้างแล้ว ในการลงสนามให้กับทีมช้างศึกชุดอายุไม่เกิน 19 ในฟุตบอลรายการแพนด้า คัพ ที่ประเทศจีน ซึ่งทีมชาติไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเอาชนะได้ทั้งทีมชาติจีนเจ้าภาพและทีมชาตินิวซีแลนด์ ซึ่งจากทั้งสามประตูที่ทีมชาติไทยทำได้ในรายการนั้นมีชื่อของอชิตพลเข้าไปมีส่วนร่วมทั้งหมดทุกประตู คือยิงยัดจนผู้รักษาประตูปัดเข้าไปหนึ่ง ข้ามหลอกให้เพื่อนยิงอีกหนึ่ง และยิงเองอีกหนึ่งประตูในเกมเฉือนนิวซีแลนด์ ปัจจุบัน อชิตพล คีรีรมย์ นั้นเล่นอยู่กับทีม ทีเอสเฟา 1860 รอสเซนไฮม์ ในลีกดิวิชั่น 4 ของประเทศเยอรมัน และก็กำลังมีผลงานการเล่นที่ดีกับสโมสรโดยเฉพาะการที่เขาสามารถยิงประตูในลีกได้ติดต่อกันถึงสามเกม พาตัวเองขึ้นไปเป็นดาวซัลโวร่วมของลีกอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถ้าหากว่าเขายังคงรักษาฟอร์มอันร้อนแรงแบบนี้ต่อไปเรื่อย อาจจะเป็นใบเบิกทางให้เขายกระดับอาชีพนักฟุบอลขึ้นไปอยู่ในลีกระดับสูงขึ้นไป กับทีมที่ใหญ่ขึ้นไปก็เป็นได้และหวังว่าเขาจะขึ้นไปสู่บุนเดสลีกาได้สำเร็จให้เป็นเกียรติประวัติของวงการฟุตบอลไทยด้วยก็คงจะดี ไม่ว่าเส้นทางลูกหนังของเขาบนแผ่นดินเยอรมันจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ […]

ฟุตบอลไทย

เลสเตอร์-บุรีรัมย์ จับมือสานฝันบอลไทย ส่งสามดาวรุ่งทดสอบฝีเท้าถึงอังกฤษ

ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมากสำหรับโครงการดี ๆ ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างสองสโมสรฟุตบอลอย่างจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ กับทาง ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้เกิดโครงการที่ชื่อว่า “สานพลังบอลไทย ไปเลสเตอร์ ซิตี้” ที่เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของนักฟุตบอลของประเทศไทย ให้สามารถก้าวไปสู่เวทีอาชีพระดับยุโรปในอนาคต โดยผู้เล่นที่ได้รับเลือกให้ไปทำการทดสอบฝีเท้าในครั้งนี้ก็คือสามนักเตะดาวรุ่งจากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้แก่ “เจ้าเช็ค” สุภโชค สารชาติ “เจ้าอาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด และ “เจ้าแบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ซึ่งแฟนบอลชาวไทยต่างก็เคยเห็นผลงานของดาวรุ่งทั้งสามรายนี้กันมาแล้ว ว่าในระดับภายในประเทศและภูมิภาคของเราเด็กทั้งสามคนนี้สอบผ่านชนิดที่ได้เกรดเอเลยทีเดียว ดังนั้นการได้ไปรับประสบการณ์จากสโมสรระดับพรีเมียร์ลีกอย่างเลสเตอร์ น่าจะช่วยให้การพัฒนาฝีเท้าของพวกเขาก้าวขึ้นไปอีกระดับอย่างแน่นอน นอกจากโครงการนี้จะทำการส่งนักเตะดาวรุ่งจากประเทศไทยไปทำการทดสอบฝีเท้าที่อังกฤษแล้ว ยังจะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้นักเตะเหล่านี้ได้มีโอกาสได้เล่นฟุตบอลอาชีพในยุโรปต่อไปอีกด้วยถ้าหากว่าการทดสอบฝีเท้าของพวกเขาผ่านไปด้วยดีและมีแววที่จะเล่นในระดับยุโรปได้ โดยมีสโมสรที่พร้อมจะรองรับคือตัวสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ในลีกอังกฤษเอง และสโมสรเอเอช ลูเวินทีมในลีกของประเทศเบลเยี่ยมเป็นหลัก ซึ่งทางคุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์เองก็ได้ออกมาบอกกว่าทางสโมสรยินดีอย่างมากที่จะให้นักเตะย้ายไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่าในลีกที่ดีกว่า โดยเฉพาะในลีกอาชีพระดับทวีปยุโรป เพื่อแสดงให้ชาวโลกได้เห็นความสามารถของเด็กไทย ซึ่งมันก็ไปตรงกันกับเจตนารมณ์ทางด้านคุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ที่เป้าหมายแรกที่เข้ามาทำทีมนั้นก็คือ ต้องการจะผลักดันนักเตะไทยขึ้นไปแสดงฝีเท้าในลีกอังกฤษอยู่แล้ว มันจึงทำให้ทุกอย่างลงตัวจนเกิดโครงการนี้ขึ้นในที่สุด การที่นักเตะดาวรุ่งจากประเทศไทยได้ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรใหญ่ระดับพรีเมียร์ลีกอย่างเลสเตอร์นั้น มันย่อมเกิดประโยชน์ต่อตัวนักเตะอย่างมากไม่ว่าผลการทดสอบฝีเท้าจะเป็นอย่างไร เพราะการได้รับการฝึกอบรมจากโค้ชระดับโลก หรือการได้เล่นกับคู่แข่งต่างชาติที่มีทั้งความใหญ่แข็งแกร่งและรวดเร็ว มันย่อมทำให้พวกเขาแกร่งขึ้นตามไปด้วยและที่สำคัญทางเลสเตอร์ก็มีศูนย์ฝึกซ้อมแห่งใหม่ที่ได้ชื่อว่าทันสมัยที่สุดในยุโรปอีกด้วย เรียกว่าจะได้เด็กทั้งสามคนจะได้สัมผัสทั้งเทคนิค วิทยาศาสตร์การกีฬา […]

ฟุตบอลไทย

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทีมฟอร์มดีที่ดูแล้วปีนี้พวกเขาไม่ได้มาเล่น ๆ

สำหรับฟุตบอลไทยลีกในชั่วโมงนี้ทีมที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดคงจะหนีไม่พ้น บีจี ปทุม ยูไนเต็ดที่กำลังนำเป็นจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่นในขณะนี้หลังจากที่ทำการแข่งขันกันไปแล้ว 7 นัด ซึ่งพวกเขาสามารถกวาดมาได้ถึง 19 คะแนนด้วยผลงานไร้พ่ายชนะ 6 เสมอ 1 เลยทีเดียว ทำให้ฤดูกาลนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใกล้กับความฝันการเป็นแชมป์ไทยลีกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งในฤดูกาลนี้ทีมบีจีนั้นอยู่ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน อดีตแบ็คซ้ายทีมชาติไทยที่เข้ามาทำทีมบีจีตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งผลงานก็ถือว่าฝีมือไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะทางบีจีเองไปดึงตัวโค้ชโอ่งมาจากตราด เอฟซี เพื่อมากอบกู้สถานการณ์ของทีมซึ่งตกชั้นไปเล่นในไทยลีก 2 หลังจากที่เจ้าตัวเคยพาราด เอฟซีเลื่อนชั้นมาได้สำเร็จ และโค้ชโอ่งก็ไม่ทำให้ทีมงานและแฟนบอลบีจีผิดหวัง เมื่อสามารถพาทีมเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดของประเทศโดยใช้เวลาพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้นเอง มาถึงฤดูกาลนี้ฝีมือของโค้ชโอ่งก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นไปอีกกับการพาทีมที่เป็นน้องใหม่ขึ้นมาเขย่าตารางไทยลีกได้ในทันทีโดยแท็กติกที่โค้ชโอ่งเลือกใช้ก็คือการเล่นแบบ 3-5-2 มีผู้รักษาประตูทีมชาติไทยอย่างฉัตรชัย บุตรพรม เป็นปราการด่านสุดท้าย ส่วนแผงหลักสามคนนั้นใช้เป็นเซ็นเตอร์ร่างยักษ์จากต่างชาติทั้งหมดคือ อันเดรส ตูเญส, อิรฟาน ฟานดี้, และวิคเตอร์ คาร์โดโซ่ ซึ่งเมื่อทั้งสามคนรวมกันแล้วต้องบอกเลยว่าแกร่งมาก ทั้งใหญ่ทั้งหนักทั้งเร็วแถมยังมีทีเด็ดจากการทำประตูอีกด้วย ขยับขึ้นมาดูที่แผงกองกลางสามประสานแดนกลางก็แน่นปึ๊กเลยทีเดียว โดยเป็นการประสานงานกันของสามผู้เล่นสัญชาติไทยอย่าง “กัปตันนิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ “เจ้าตังค์” สารัช อยู่เย็น และ สุมัญญา ปุริสาย ที่ร่วมกันคุมแดนกลางและขับเคลื่อนเกมรุกได้อย่างไหลลื่น และส่วนคู่หัวหอกมีดาวรุ่งสัญชาติญี่ปุ่นอย่างมารุโอกะ และดาวรุ่งไทยอย่างเจนรบ […]

ฟุตบอลไทย

สร้างทีมเพื่ออนาคต กับทีมพลังหนุ่มของกิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

หลังจากที่มีการประกาศรายชื่อนักฟุตบอลทีมชาติไทยที่จะเข้าแคมป์เก็บตัวในช่วงฟีฟ่าเดย์ที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมากก็คือจากรายชื่อทั้งหมดที่โค้ชชาวญี่ปุ่น อากิระ นิชิโนะ เรียกตัวทั้งหมด 28 คนนั้น เป็นนักเตะพลังหนุ่มของทัพกิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถึง 11 คนด้วยกัน โดยรายชื่อที่ถูกเรียกติดทีมชาติครั้งนี้ก็ไม่แก่ 1.ศฤงคาร พรมสุภะ 2.ชาติชาย แสงดาว 3.สุพร ปีนะกาโพธิ์ 4.สรวิทย์ พานทอง 5.ฉัตรมงคล ทองคีรี 6.พัชรพล อินทนี 7.มาร์โก้ บัลลีนี่ 8.พิชา อุทรา 9.วีระเทพ ป้อมพันธุ์ 10.กรวิชญ์ ทะสา และ 11.ปรเมศย์ อาจวิไล ซึ่งล้วนแล้วเป็นนักเตะดาวรุ่งอายุน้อยทั้งสิ้นและถึงแม้ว่าการเรียกตัวติดทีมชาติในครั้งนี้ที่พวกเขาพากันพาเหรดเข้าแคมป์กันถึง 11 คนนั้นสาเหตุหนึ่งจะมาจากการที่ไม่มีการเรียกนักเตะจากสี่ทีมใหญ่อย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, ราชบุรี มิตรผลและทรู แบงคอก ยูไนเต็ด เพราะมีโปรแกรมเตะนัดตกค้างไทยลีก รวมไปถึงไม่มีผู้เล่นจากต่างชาติเพราะติดปัญหาการเดินทางก็ตาม มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าบรรดาเด็กหนุ่มสายเลือดใหม่ของกิเลนผยองนั้นล้วนแล้วไม่ธรรมดาเลย และคนก็ล้วนแล้วเคยสัมผัสเกมทีมชาติในระดับเยาวชนกันมาแล้วทั้งสิ้น ในช่วงที่มีการพักเบรกการแข่งขันเพราะปัญหาการแพร่ระบาดนั้นของโควิดนั้น ทางสโมสรได้มีการปล่อยผู้เล่นตัวหลักออกไปจากทีมพร้อมกันถึงสองคน […]

ฟุตบอลไทย

ผู้ตัดสินและวีเออาร์ หนึ่งในปัญหาที่ต้องปรับปรุงของไทยลีก

ในการแข่งขันกีฬาทุกประเภทนั้นแน่นอนว่านักกีฬาในสนามล้วนแล้วแต่ต้องการชัยชนะด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งบางทีอาจจะมีการใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะของฝ่ายตน ด้วยเหตุนี้ในทุกประเภทกีฬาจึงต้องมีผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ควบคุมการแข่งขันให้อยู่ในกฎระเบียบกติกา เพื่อให้การแข่งขันเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งในการแข่งขันฟุตบอลก็เช่นกันและในปัจจุบันนอกจากจะมีผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินคอยทำหน้าที่แล้ว ยังมีการใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า Video Assistant Referee หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า VAR เข้ามาใช้ช่วยในการตัดสินเพื่อเพิ่มความแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย แต่ในช่วงที่ผ่านมาสำหรับการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 1 ซึ่งได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้แล้วนั้น กลับพบว่ายังคงมีการตัดสินที่ผิดพลาดมากพอสมควร และมีเรื่องราวดราม่าจากความผิดพลาดของการตัดสินแทบจะทุกสัปดาห์ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการใช้มาตรฐานที่แตกต่างกันของและลีก การตัดสินที่ผิดพลาดทั้งที่มีวีเออาร์เข้ามาช่วย แล้วบางจังหวะสำคัญก็เลือกที่จะไม่ดูวีเออาร์และในบางจังหวะสำคัญก็ไม่ทำงานอีกด้วย หรือแม้กระทั่งบางครั้งใช้เวลาในการดูนานเกินไปแต่กลับไม่ยอมทดเวลาการแข่งขันเพิ่มให้ ซึ่งมันย่อมเป็นผลเสียให้กับทีมที่กำลังตามหลังอย่างมากเลยทีเดียว กรณีที่เกิดปัญหาชัดเจนที่สุดก็คือเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในการแข่งขันคู่ระหว่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ สมุทรปราการ ซิตี้ ซึ่งผลการแข่งขันจบลงที่การเสมอกันไปแบบไม่มีประตูทางฝั่งเจ้าบ้านเห็นว่าทีมของพวกเขาควรจะได้รับชัยชนะถ้าหากว่าทางผู้ตัดสินไม่ทำงานผิดพลาด จึงได้ยื่นเรื่องขอตรวจสอบการทำงานของผู้ตัดสินในนัดดังกล่าว และเมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็นการัดสินที่ผิดพลาดของผู้ตัดสินจริงและทางเมืองทองควรจะได้ลูกโทษหนึ่งลูก จนทำให้ผู้ตัดสินในนัดดังกล่าวด้วยการพักการปฏิบัติหน้าที่ถึง 7 สัปดาห์เลยทีเดียว และที่สำคัญหนึ่งในเหตุผลที่ตัดสินผิดพลาดก็เพราะว่าวีเออาร์ดันไม่ทำงานนั่นเอง เรื่องของการนำเทคโนโลยีอย่างวีเออาร์เข้ามาช่วยในการตัดสินไทยลีก 1 นั้นอาจจะยังเป็นเรื่องที่ใหม่อยู่สำหรับประเทศไทย คงต้องใช้เวลาในการปรับปรุงและพัฒนาอีกพอสมควรเพื่อให้ใช้งานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ แต่ในส่วนของผู้ตัดสินนั้นน่าจะปรับปรุงและพัฒนาให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมด เพื่อให้การแข่งขันเป็นไปอย่างโปร่งใส ในกีฬาฟุตบอลนั้นและประตูหรือแต่ละคะแนนนั้นล้วนมีผลประโยชน์มหาศาลต่อทุกทีม ไม่ว่าจะเป็นทีมลุ้นแชมป์หรือหนีตกชั้น หรือแม้กระทั่งผลประโยชน์ภายนอกสนามอย่างวงการพนันก็ยังเข้ามาเกี่ยวด้วย ดังนั้นทุกการตัดสินในสนามจึงควรจะโปร่งใสมากที่สุด ถ้าหากบางครั้งเกิดการัดสินที่ผิดพลาดและดูเอนเอียงขึ้นมาอาจทำให้แฟนบอลกล่าวหาว่าผู้ตัดสินรับเงินสินบนจากวงนอกมาก็เป็นได้ ดังนั้นการปรับปรุงและพัฒนามาตรฐานของผู้ตัดสินนั้นนอกจากจะเป็นการทำให้เกมสนุกแล้ว ยังช่วยรักษาเกียรติให้แก่ผู้ตัดสินไทยไปด้วยในตัว

ฟุตบอลไทย

แค่ได้ยินข่าวก็ตื่นเต้นแล้วเมื่อ “เมสซี่เจ” กำลังจะได้จะได้ไปลุยลาลีกา

นับเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการลูกหนังเมืองไทยอย่างมาก สำหรับข่าวที่มีทีมเอลเช่น้องใหม่แห่งลาลีกา ลีกฟุตบอลอาชีพระดับสูงสุดของประเทศสเปนกำลังมีความสนใจในการที่จะดึงตัว นักเตะจอมทัพขวัญใจแฟนบอลชาวไทยอย่าง “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ไปร่วมทีมในช่วงปลายปีนี้ ว่ากันว่าทางสโมสรเอลเช่ทีมที่พึ่งจะเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดได้ในฤดูกาลนี้นั้น แสดงออกอย่างจริงจังแล้วว่าต้องการตัวของชนาธิปไปร่วมทีมจริง โดยมรการยื่นข้อเสนอหยั่งเชิงโดยตรงมายังคอนซาโดเร่ ซัปโปโรต้นสังกัดปัจจุบันในเจ ลีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถ้าหากว่าทั้งสองทีมสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ชนาธิปก็จะได้ย้ายสู่แดนกระทิงดุทันทีที่ลีกของประเทศญี่ปุ่นจบลงในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งก็จะทำให้เขาได้ลงเล่นในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลในลาลีกา ซึ่งหากการย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้นจริงจะทำให้ ชนาธิป สงกระสินธ์กลายเป็นนักฟุตบอลสัญชาติไทยคนที่สอง ที่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของประเทศสเปน ตามหลังกองหน้ารุ่นพี่อย่างธีรศิลป์ แดงดาที่เคยลงเล่นให้กับทีม อัลเมเรีย มาก่อนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งในกรณีของเจ้ามุ้ยนั้นถึงแม้ว่าจะได้รับโอกาสลงสนามน้อยไปหน่อยแต่ก็ถือว่าสามารถทำผลงานได้ดีพอสมควรเลยเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม และในส่วนของเจนั้นน่าจะได้รับโอกาสลงเล่นมากกว่าเพราะมีผลงานในเจลีกเป็นสิ่งที่ช่วยการันตีความสามารถมาแล้วมากพอสมควร และเชื่อว่าเอลเช่เองก็คงจะเล็งเห็นว่าการเล่นของเขาสามารถช่วยทีมในการหนีตกชั้นของพวกเขา มากกว่าที่จะเป็นการซื้อตัวเพื่อการตลาดอย่างแน่นอน การเล่นในลาลีกานั้นถึงแม้ว่าจะทำให้เจต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่รูปร่างสูงใหญ่ แต่สไตล์การเล่นของฟุตบอลสเปนนั้นก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของเจ้าเจแต่อย่างใด เพราะบอลสเปนนั้นขึ้นชื่อเรื่องการเล่นบอลบนพื้นซึ่งจะทำให้ความเสียเปรียบในการเล่นลูกกลางอากาศน้อยลง และที่สำคัญการเคลื่อนที่และการจ่ายบอลซึ่งเจทำได้ดีอยู่แล้วจะถูกนำออกมาใช้ได้มากขึ้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหากได้ไปเล่นกับเอลเช่จริงชนาธิปน่าจะเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน ส่วนจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหนคงต้องดูผลงานโดยรวมของทีมอีกที การที่นักฟุตบอลของไทยได้มีโอกาสลงเล่นในลีกใหญ่ของยุโรปอย่างลาลีกานั้น ดูจะเป็นผลดีอย่างมากสำหรับพัฒนาการของฟุตบอลไทย ดังที่เราจะเห็นได้จากกรณีของธีรศิลป์ ที่ถึงแม้จะได้รับโอกาสน้อยไปหน่อยแต่ก็สามารถทำให้เจ้าตัวยกระดับฝีเท้าและความมั่นใจไปอีกระดับหนึ่ง จนสามารถไปโลดแล่นอยู่ในเจลีกได้ในปัจจุบัน และถ้าหากชนาธิปได้รับโอกาสนั้นเช่นกัน เชื่อว่ามันจะช่วยให้เขาสามารถยกระดับฝีเท้ามากขึ้นไปอีก ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อทีมชาติไทยโดยตรงอย่างมากแน่นอน